วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563

พระพุทธเจ้า#จิตหยุดความปรุงแต่งแล้วมันจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิรวมเองทำไมมันรวมเข้าอัปปนาสมาธิได้เองเพราะว่าจิตไม่ไหลไปตามกามฌานมันจะเกิดเอง#โดยธรรมชาติของจิตนี่ต้องเวียนอยู่ในภพภพที่จิตเวียนอยู่ได้มี๓ภพเท่านั้นหนึ่งกามาวจรภพภพที่เวียนไปในกามคือหาอารมณ์เพลิดเพลินทางตาหูจมูกลิ้นกายเพลินไปเรื่อย#พวกเราจิตหมุนอยู่ติ้วๆทางตาหูจมูกลิ้นกายนึกออกไหมอันนี้แหละเรียกว่ากามภพเรียกให้เต็มยศนะเรียกกามาวจรภูมิ #ใจก็ไปเวียนอย่างนี้ถ้าหลุดออกจากกามภพนะก็เข้าไปรูปภพหรือว่ารูปภูมิก็คือเข้าไปสงบอยู่กับการรู้รูปเช่นรู้ลมหายใจแล้ว#จิตไม่เอาแล้วโลกข้างนอกอารมณ์ทางตาหูจมูกลิ้นกายไม่เห็นจะมีสาระอะไรจิตมารวมลงที่อารมณ์ภายในอันเดียวอาจจะมารู้ลมหายใจอยู่อันเดียวรู้ร่างกายอยู่อันเดียวมาเพ่งรูปอยู่อันเดียวเพ่งดวงกสิณดวงนิมิตอยู่อันเดียวจิตเพ่งรูปอยู่เรียกว่ารูปภูมิถ้าจิตไม่อยู่ในกามภูมิไม่อยู่ในรูปภูมิจิตก็ต้องเข้าอรูปภูมิทิ้งรูปไปแล้วไปอยู่กับนามธรรม เช่นไปอยู่กับความว่าง จิตอยู่ในความว่าง อยู่กับความไม่มีอะไรเลยเพราะงั้นที่เค้าส­อนภาวนา บางคนสอนภาวนาให้ไปอยู่ในความว่าง อันนั้นเพี้ยนนะ ไม่ใช่ทางของพระพุทธเจ้า มันก็เป็นอรูปภูมิ เป็นภูมิอีกภูมิหนึ่ง เป็นภพอีกภพหนึ่งเท่านั้นเองงั้น #ถ้าสติปัญญาเราพอนะเรารู้เลยจิตมันแส่ส่ายออกทางตาหูจมูกลิ้นกายมีแต่ทุกข์จิตไม่แส่ส่ายพอ#จิตไม่แส่ส่ายจิตก็หลุดออกจากกามภูมิเข้ารูปภูมิหรืออรูปภูมิเข้าเองเลยเพราะงั้นพวกเราหัดเจริญสติไปเรื่อยพอศีลสมาธิปัญญาสติสมาธิปัญญาแก่รอบนะจิตจะหมดความหลงไหลรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะทั้งหลายมาดึงดูดจิตไหลไปไม่ได้แล้วอย่างน้อยก็ชั่วขณะ ชั่วขณะเท่านั้นแหละ#ถ้าจิตมันตั้งมั่นรู้ไหลออกไปแล้วทุกข์ก็ตั้งเด่นดวงอยู่ จิตก็เข้าฌานอัตโนมัติเพราะงั้นถึงเราจะเจริญสติเจริญปัญญาโดยเข­้าฌานไม่เป็น#ถึงนาทีสุดท้ายที่จะเกิดอริยมรรคอริยผลในทุกขั้นตอน? หมวดหมู่ การศึกษา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น