วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พระโสดาบันการปฏิบัติไม่เกินกายกับใจนี้ออกไป รู้อยู่ที่กายที่ใจจนกระทั่งถอดถอนความเห็นผิดว่ากายกับใจเป็นตัวเราได้ ได้เป็นพระโสดาบัน พระโสดาบันเนี่ย ศีลบริบูรณ์แล้วเพราะมีสติดี ศีลบริบูรณ์ได้เพราะสติดีนะ ยกตัวอย่างคนด่า โกรธปั๊บเนี่ย สติเห็นแล้วความโกรธมันผุดขึ้นมา ความโกรธครอบงำใจไม่ได้ก็ไม่ฆ่าใครไม่ตีใครไม่ด่าใคร ศีลมันเกิดเอง เห็นสาวสวยความโลภมันเกิดราคะมันเกิด รู้ทัน สติรู้ทัน ราคะครอบงำใจไม่ได้ก็ไม่ทำผิดศีลข้อ ๓ ศีลมันเกิดจากการมีสติ ศีลอย่างนี้เรียกว่า อินทรียสังวรศีล อย่างนี้ค่อยๆฝึกนะ พระโสดาบันศีลบริบูรณ์ไม่ทำผิดศีลห้าแล้วเพราะมีสติว่องไว พระโสดาบันมีสมาธิเล็กน้อยหมายถึงใจไม่ค่อยตั้งมั่น ใจยังแฉลบซ้ายแฉลบขวาเหมือนพวกเราทั้งหลายนี้แหละ แฉลบไปเรื่อยๆ พวกเราดูออกมั้ยใจของพวกเราไม่ค่อยตั้งมั่น เดี๋ยวก็วิ่งไปดู เดี๋ยวก็วิ่งไปฟัง เดี๋ยวก็วิ่งไปคิด ใจเราวิ่งไปวิ่งมาทั้งวันนะ ไม่เคยตั้งมั่น พระโสดาบันใจก็ไม่ค่อยตั้งมั่นนะ แฉลบไปแฉลบมา พระโสดาบันมีปัญญาเล็กน้อย นี่ขนาดพระโสดาบันยังมีปัญญาเล็กน้อยนะแล้วพวกเราจะปัญญาแค่ไหน พระโสดาบันท่านบอกว่ามีปัญญาเล็กน้อยคือเห็นแค่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นมาสิ่งนั้นก็ดับไปตัวเราที่แท้จริงไม่มี พระโสดาบันรู้แค่นี้เอง แต่ความยึดถือกายยึดถือใจนี้ยังยึดถือเหนียวแน่นเหมือนปุถุชนนี้แหละ คล้ายๆกับรู้ทันแล้วว่าทรัพย์สมบัติ หรือยกตัวอย่างหลวงพ่อ จีวรนี้รู้แล้วว่าไปขอยืมเขามาใช้ แต่หวงน่ะ ไม่คืน พระโสดาบันรู้นะกายนี้ใจนี้เป็นของยืมโลกมาใช้ แต่หวงไม่ยอมคืน รู้ว่าไม่ใช่ของเรา แต่หวงเอาไว้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น