วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เรามีจิตที่รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ จิตเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานอยู่ วิธี...ครั้งนึงพระพุทธเจ้าอยู่ริมแม่น้ำคงคา กับพระกลุ่มใหญ่ แล้วท่านก็ชี้ให้พระดูท่อนไม้ลอยน้ำมา ชี้บอก ภิกษุทั้งหลาย ท่อนไม้นี้ลอยอยู่ในแม่น้ำคงคา ถ้าท่อนไม้นี้ไม่ติดฝั่งซ้ายไม่ติดฝั่งขวา ไม่ไปเกยตื้น เกยตื้นอยู่ตามเกาะตามแก่งอะไรอย่างนี้ ไม่ติดฝั่งซ้าย ไม่ติดฝั่งขวา ไม่ไปเกยตื้น ไม่ถูกคนหรืออมนุษย์จับเอาไว้ ไม่ถูกน้ำวนดูดจมลงไปหรือวนอยู่ที่เดิมไปไหนไม่ได้ ไม่ผุพังเน่าเสียก่อน ท่อนไม้นี้ก็จะลอยไปสู่มหาสมุทร จิตของเรานี้เหมือนกัน มีแนวโน้มที่จะไปสู่มหาสมุทรคือมรรคผลนิพพาน ถ้าไม่ติดฝั่งซ้ายไม่ติดฝั่งขวา ไม่ไปเกยตื้น ไม่ถูกมนุษย์และอมนุษย์จับไว้ ไม่ถูกน้ำวนดูดไว้ ไม่เน่าในเสียก่อน ถ้าจิตของเรามีคุณสมบัติอย่างนี้นะ การจะบรรลุมรรคผลนิพพานมันจะเป็นไปเอง มันจะเป็นไปเอง มันมีแนวโน้ม โน้มน้อมไปสู่มรรคผลนิพพานโดยตัวของมันเอง เพราะฉะนั้นคนที่สกัดกั้นมันไว้ส่วนมากก็คือตัวเรานี่เอง คำว่า ฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ก็คือการที่จิตของเราไปหลงติดอยู่ในสิ่งที่เป็นคู่ๆ บางคนยึดในความดี เกลียดความชั่วรุนแรงนี่ติดนะ บางคนยึดชั่วเกลียดดี ก็ติดอีกนะ บางคนยึดสุขเกลียดทุกข์ ก็ติดอีก ติดคู่ที่สำคัญมากเลย ก็คือติดในการเผลอไปกับติดในการเพ่งไว้ ติดในกามสุขัลลิกานุโยค คือจิตใจหลงตามกิเลสไป เพลิดเพลินไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วก็เพ่งเอาไว้ นั่งปฏิบัติเกือบทั้งหมดคือเพ่งอยู่นะ เพราะฉะนั้นติดฝั่งอยู่นะ ไปไหนไม่ได้หรอก นักเพ่งทั้งหลายก็ติดอยู่บนฝั่งข้างหนึ่งนั่นเอง ท่านไม่ได้บอกนะ ว่าข้างซ้ายหรือข้างขวา ท่านแค่ว่ามันมีสองฝั่งแล้วติดฝั่ง คือติดในธรรมที่มันเป็นคู่ๆ เกยตื้น คือไปติดอยู่ในภพอะไรอย่างหนึ่งที่เราสร้างขึ้นมา หลายคนภาวนาจนจิตว่าง โล่ง สว่างไสวนะ แล้วก็เพลิดเพลินพอใจอยู่ในภพอันนั้น นี่เกยตื้นแล้ว ชาตินี้ไม่ไปไหนแล้ว บางคนดูจิตดูใจนะ จิตใจว่างสว่างอยู่ข้างหน้าอย่างนี้ ที่หลวงพ่อพูดว่าจิตไม่ถึงฐาน ไม่ถึงฐาน คือจิตไปสร้างภพอันนึงอยู่ข้างนอก แล้วจิตก็ไปเกาะนิ่งๆ อยู่ในภพอันนั้น นี่เกยตื้นแล้ว เดินปัญญาต่อไปไม่ได้ ถูกมนุษย์จับไว้ ก็คือติดหมู่คณะ ติดพรรคติดพวก ไปไหนก็กะเตงกันไปเป็นกลุ่มเบ้อเร่อเลย เมื่อก่อนอยู่วัดป่านะ มีรถทัวร์เข้าไปกันเยอะ พอรถทัวร์เข้ามา คนในวัดจะคุยกันแล้ว โอ้ พวกอรหันต์ทัวร์มาอีกแล้ว นี่พวกอรหันต์ทัวร์ เพราะชอบไปหาข่าวลือว่าวัดไหนมีพระอรหันต์นะ จัดทัวร์ไป อรหันต์หนึ่งวัด สองวัด สามวัด นี่วันนี้ไหว้อรหันต์เจ็ดวัดแล้ว ชาตินี้ไม่ตกนรกแล้ว นี่ติดหมู่ติดคณะนะ บางคนก็ห่วงคนอื่น ห่วงคนอื่นไม่ห่วงตนเอง ห่วงหมู่คณะ ห่วงพรรคพวก เห็นพรรคพวกติดกรรมฐานพยายามไปแก้ ตัวเองเลยติดด้วย อย่างนี้ก็มีนะ ถูกอมนุษย์จับไว้ อะไรคืออมนุษย์ ชื่อเสียง เกียรติยศทั้งหลาย ภาวนาไปแล้วดัง เป็นอาจารย์ใหญ่ดัง ขี่หลังเสือลงไม่ได้แล้ว ชาตินี้ก็เลยอยู่บนหลังเสือตลอดไป มีนะ ไม่ใช่ไม่มี ถูกน้ำวนคืออะไร น้ำวนคือกามนะ น้ำวนคือกาม ถ้าภาวนาดูจิตดูใจเป็นจะเห็นเลย จิตของเราจะหมุนอยู่ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ตลอดเวลา หมุนติ้วๆ เลยนะ คือเดี๋ยวก็วิ่งหาอารมณ์ทางตา เดี๋ยวก็วิ่งหาอารมณ์ทางหู เดี๋ยววิ่งหาอารมณ์ทางจมูก ไปดมกลิ่น เดี๋ยวก็วิ่งหารสที่เพลิดเพลิน หาสัมผัสที่ถูกอกถูกใจ นี่จิตจะหมุนติ้วๆ หาอารมณ์อยู่อย่างนี้ ไปไหนไม่รอดหรอก ยังติดอยู่ในกาม คือถูกน้ำวนไว้ จิตเน่าใน คือพวกไม่มีศีลธรรม ก่อกรรมทำชั่ว บางคนดูถูกศีลนะ เจริญปัญญาได้แล้ว ไม่ต้องถือศีล เข้าใจผิด ไม่ถือศีลไม่ได้ ถ้าเราไม่ถือศีลนะ ปัญญาของเราจะเป็นปัญญาของมหาโจร เพราะฉะนั้นเราต้องมีศีล ถ้าเราทุศีลเมื่อไหร่นะ ก็เน่าอยู่ข้างใน เปลือกนอกดูสวยงาม แต่เน่าอยู่ข้างใน นี่บรรลุมรรคผลไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกเรานะ สำรวจตัวเอง เราติดฝั่งซ้ายฝั่งขวาไหม เราไปเกยตื้น คือเราไปติดอยู่ในภพใดภพหนึ่งที่เราสร้างขึ้นเองหรือเปล่า เราพัวพันในหมู่คณะ ปล่อยวางไม่ได้ จะหอบกระเตงกระเตงกันไป หรือเราติดในชื่อเสียง บางคนไปพูดธรรมะแล้วสนุกนะ นี่ ได้แสดงธรรมะแล้วสนุก เพลิดเพลิน มีความสุข ติดอยู่ในความสุข นี่ถูกอมนุษย์จับไว้ หรือใจของเราวันๆ หมกมุ่นในกามไหม หมกมุ่นอยู่ในกามไปไม่รอดหรอก ใจของเรามีศีลมีธรรมไหม สำรวจนะ ลองไปสำรวจตัวเองเป็นการบ้าน ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้วนี่ ให้รู้กายแบบสบายๆ รู้จิตใจไปอย่างสบายๆ ถึงวันนึงท่อนไม้นี้จะลอยไปถึงแม่น้ำ ถึงมหาสมุทรนะ ออกจากแม่น้ำคงคา ถึงมหาสมุทร ใจเราก็จะออกจากที่คับแคบไปสู่ที่กว้างไร้ขอบไร้เขต จิตใจของเราแต่ละคนอยู่ในที่ขังนะ มีกรอบมีขัง มีจุดมีดวง มีกรอบขังอยู่แคบๆ ถ้าภาวนาไปถึงช่วงนึงจะเห็นใจเราอยู่ในแคปซูล ใจเหมือนมีเปลือกหุ้มอยู่ ใจไม่มีอิสระ วันใดที่เราออกสู่ทะเลได้ คือเข้าถึงธรรมแท้ๆ นะ ใจจะโล่งว่างเลยนะ กว้างขวางไร้ขอบไร้เขต ไม่มีจุดไม่มีดวง ไม่มีที่ตั้ง เพราะฉะนั้นใจไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเหมือนที่เคยเป็น ใจอยู่ในที่ทุกสถานเลย เต็มไปหมดเลย เพราะฉะนั้นอย่างเวลาพวกเราภาวนา เรามีปัญหาติดขัดหรือเกิดอะไรขึ้นนะ เราระลึกถึงพระพุทธเจ้านะ เราจะสัมผัสท่านได้ทันทีเลย พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่อินเดีย คุณธรรมของท่านยังครอบโลกเต็มโลกอยู่อย่างนี้ ใจเรานึกถึงขึ้นมาจิตใจเราก็สงบ ตั้งมั่น มีความสุขขึ้นมาฉับพลันเลยนะ หรือบางครั้งภาวนาติดขัด ไม่รู้จะทำยังไงดี ครูบาอาจารย์ก็อยู่ไกล เราไหว้พระสวดมนต์ เราตามรู้ตามดูของเราไป บางทีธรรมะจะถ่ายทอดออกจากใจของเราเอง หรือบางคนมีภาพประกอบ บางคนมีเสียง เห็นพระพุทธเจ้าไปบอกบ้าง เลยคิดว่าพระพุทธเจ้ามาจริงๆ นะ จริงๆ จิตนั่นเองมันถ่ายทอดธรรมะออกมา จิตใจโน้มเอียงที่จะอยู่กับธรรมะ เวลาติดขัดขึ้นมาจิตจะสอนธรรมะได้ เป็นเรื่องแปลกนะ ค่อยๆ ดู ท้าให้พิสูจน์นะ ไม่ได้ชวนให้เชื่อ ลองภาวนาดู เอาซีดี เอาหนังสือหลวงพ่อไป ไปฟังไปอ่าน แจกให้ฟรีนะ ไปฟังไปอ่านแล้วค่อยๆ สังเกตจิตใจของเราไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น