วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558
หลวงปู่ฝากไว้ เสียงจากพระราชวุฒาจารย์ หรือ หลวงปู่ดูลย์ อในประวัติชีวิตของท่าน ไม่เคยปรากฏว่าท่านให้ความยอมรับในสิ่งมหัศจรรย์ หรืออภินิหารใดๆ ทั้งสิ้นแม้ได้ฟังเรื่องเล่า และคำทัดทานจากชาวบ้านแถบนั้น ท่านก็ไม่ได้หวั่นไหว โดยวิสัยแห่งศิษย์พระตถาคตซึ่งไม่กลัวแม้กระทั่งความตาย หลวงปู่จึงต้องการไปพิสูจน์หาความจริงของความมหัศจรรย์ที่ ถ้ำผาบิ้ง แห่งนั้นหลวงปู่พาสามเณรไปพักปฏิบัติภาวนาที่ถ้ำผาบิ้งทันทีในวันนั้น โดยไม่ต้องเสียเวลารั้งรอหลวงปู่ได้สังเกตพิจารณาดูว่า สิ่งที่ชาวบ้านร่ำลือนั้นเป็นอะไรกันแน่ ในที่สุดท่านก็พบความจริง และเปิดเผยต่อชาวบ้าน ความจริงก็คือ เมื่อถึงเวลาโพล้เพล้จวนใกล้ค่ำ ค้างคาวที่อาศัยอยู่ในถ้ำนั้นจำนวนนับหมื่นนับแสนตัว ก็พากันบินพรั่งพรูเกาะกลุ่มชิงกันออกจากปากถ้ำ เพื่อออกไปหากิน ปรากฏเป็นกลุ่มควันดำฉวัดเฉวียนพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศ บังเกิดเป็นกระแสลมกรรโชกหวีดหวิว เมื่อพัดพุ่งผ่านโกรกกรวยและร่องรูต่างๆ ตามผนังถ้ำ ทำให้เกิดเป็นเสียงสูงต่ำมีลีลา เสียงปีกค้างคาวกระทบกันคึกคักแหวกอากาศ ผสมผสานสอดคล้องกับเสียงที่สะท้อนจากผนังถ้ำ ดังกระหึ่มเป็นจังหวะจะโคนกึกก้องไปมา ราวกับเป็นเสียงดนตรีสวรรค์ ที่เหล่าเทพยดาพากันบรรเลงด้วยพิณพาทย์ระนาดกลองฉะนั้น กลุ่มค้างคาวเป็นหมื่นเป็นแสน ที่บินฉวัดเฉวียนพวยพุ่งออกจากถ้ำเป็นเส้นสายยักย้ายไปมา ก็ดูประหนึ่งมังกรเทพยดา หรือสัตว์วิเศษในเทพนิยายปรัมปราที่เล่าสืบๆ กันมา พุ่งเลื้อยหายไปในอากาศ ประจักษ์แก่สายตาชาวบ้านป่าที่ตะลึงมองอย่างขนลุกขนชัน ด้วยความหวาดหวั่นระย่อยำเกรง หลวงปู่ได้นำความจริงมาเปิดเผยให้ชาวบ้านฟัง จนเป็นที่หัวเราะขบขันของชาวบ้านแถบนั้น ความหวาดหวั่นเกรงกลัวในอาถรรพ์ของถ้ำผาบิ้ง ที่เชื่อถือกันมานาน ก็หมดไป
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น