วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

พระพุทธเจ้าสอนอะไรหลวงพ่อปราโมทย์ : จุดสำคัญของการปฏิบัติ ในตำรายังมีอยู่ ยังใช้ได้ดีเลย ทำยังไงจะทำให้จิตสงบ ในตำราสอนเอาไว้ตั้ง ๔๐ วิธี สอนเอาไว้ให้ละเอียด ทำยังไงจะเจริญปัญญา รู้กายรู้แบบไหน รู้เวทนาจะรู้ยังไง มีเงื่อนไขอะไรดูกายและเวทนาเนี่ย เหมาะกับสถยานิก เหมาะกับคนเล่นฌานถ้าไม่ได้เล่นฌานแล้วไปดูกาย ไปดูท้องพองยุบนะ ไม่เคยทำฌาน ไปดูท้องพองยุบ จะกลายไปเป็นเพ่งท้องเฉยๆ ขึ้นวิปัสสนาไม่ได้จะดูกายได้จิตต้องตั้งไม่ ทรงฌานได้ดีที่สุด ฌานที่ ๑ ก็ยังไม่พอ ต้องฌานที่ ๒ ถึงจะดี ๒-๓ ขึ้นเนี่ย เพราะฌานที่ ๒ จิตไม่เคล้ากับอารมณ์แล้ว ละวิตกละวิจารณ์ วิตกเป็นการตรึกในอารมณ์ วิจารณ์เป็นการเคล้าเคลียอยู่ในอารมณ์ จิตยังไหลไปเคล้าอยู่กับอารมณ์อยู่พอละวิตกวิจารณ์ขึ้นฌานที่ ๒ เนี่ยนะ จิตไม่เคล้าเคลียกับอารมณ์ จิตดีดตัวออกมาเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน เนี่ยมีเอโกทิภาวะ พอจิตได้เอโกทิภาวะแล้วออกจากสมาธิ ออกจากฌานมา ตัวนี้ยังเด่นดวงอยู่ อยู่ได้นานไม่เกิน ๗ วัน แต่อยู่ได้นาน ไม่เหมือนขณิกสมาธินะ แว้บๆ แว้บๆ ก็ดับแล้วพอจิตเป็นผู้ออกมาเนี่ย เห็น ไปดูจิตนะ จิตจะนิ่งๆไม่มีอะไรให้ดู ต้องดูกาย ดูเวทนาในกาย หรือดูเวทนาทางใจ เช่นจิตที่ทรงฌานเนี่ย เดี๋ยวมันก็สุขเดี๋ยวมันก็อุเบกขา พลิกไปพลิกมา แสดงไตรลักษณ์ได้ หรือดูเวทนาทางกายก็ได้ ดูร่างกายก็ได้ จิตเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ เห็นเลยร่างกายไม่ใช่ตัวเราแต่ดูจิตตสังขารยาก เพราะอารมณ์มันละเอียด อารมณ์มันปราณีต ไม่มีของหยาบให้ดูเลย สงบ มีความสุข สบาย แน่วอยู่อย่างนั้นเอง จิตเหมือนจะเที่ยงนะ เพราะจะดูกายให้ทำสมาธิก่อน แล้วเห็นกายมันทำงาน เห็นเวทนามันทำงาน กายและเวทนาจึงเหมาะกับคนทำฌาน เหมาะกับสมถยานิกหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโชฺโช วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา แสดงน้อยลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น