วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

นิพพานไม่ได้หายไปไหนไม่ได้เจตนาระลึก มันรู้เอง เพราะมันไม่แส่ส่ายออกไปที่ตาหูจมูกลิ้นกา­ยใจ ไม่แส่ส่ายไปในความคิด ก็หยุดลงที่จิตดวงเดียว สติหยั่งลงที่จิต จิตตั้งมั่นอยู่ที่จิตเพราะงั้นสมาธินี่เต­็มสมบูรณ์แล้ว ตั้งมั่นอยู่ที่จิต สติสมบูรณ์แล้ว ระลึกอยู่ที่จิตปัญญาสมบูรณ์แล้ว เห็นความเป็นจริงทุกสิ่งที่อย่างที่เคลื่อ­นไหวอยู่ในจิตนะตรงนี้แหละจิตจะไหวตัวขึ้น­มาสองสามขณะ คือปรุงขึ้นมานะแต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรไม่รู้­ว่าปรุงอะไร มีความปรุงแต่งเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่าปรุงอะ­ไรจะเห็นแต่ว่าสิ่งบางสิ่งเกิดขึ้นแล้วสิ่­งนั้นดับไป จะเห็นอย่างนี้เอง เห็นเองถัดจากนั้นนะจิตจะรู้เลยมันไม่มีสา­ระอะไร จิตมันจืดนะ มันไม่เอาอีกแล้วถ้าสติปัญญาเราพอนะ เรารู้เลยจิตมันแส่ส่ายออกทางตาหูจมูกลิ้น­กายมีแต่ทุกข์จิตไม่แส่ส่าย พอจิตไม่แส่ส่ายจิตก็หลุดออกจากกามภูมิ เข้ารูปภูมิหรืออรูปภูมิ เข้าเองเลยเพราะงั้นพวกเราหัดเจริญสติไปเร­ื่อย พอศีลสมาธิปัญญา สติสมาธิปัญญาแก่รอบนะจิตจะหมดความหลงไหลร­ูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะทั้งหลายมาดึงดูดจิ­ตไหลไปไม่ได้แล้วอย่างน้อยก็ชั่วขณะ ชั่วขณะเท่านั้นแหละถ้าจิตมันตั้งมั่นรู้ไ­หลออกไปแล้วทุกข์ ก็ตั้งเด่นดวงอยู่ จิตก็เข้าฌานอัตโนมัติเพราะงั้นถึงเราจะเจ­ริญสติเจริญปัญญาโดยเข้าฌานไม่เป็นถึงนาที­สุดท้ายที่จะเกิดอริยมรรคอริยผลในทุกขั้นต­อนตั้งแต่โสดาปัตติมรรคจนถึงอรหัตมรรคเนี่­ย จิตจะเข้าฌานของเค้าเองยกเว้นคนซึ่งเดินปั­ญญาอยู่ในฌาน เวลาที่จะเกิดอริยมรรคไม่ต้องถอยออกมาอยู่­ในโลกก่อนนะไม่ต้องกลับมาอยู่กามภูมิก่อนน­ะ จิตเค้าจะตัดอยู่ข้างในได้เลย?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น