วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รู้เท่าทันจิตสุภัททะ ! ในธรรมวินัยใด ไม่มีอริยมรรคมีองค์แปด สมณะที่หนึ่ง (พระโสดาบัน) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น; แม้สมณะที่สอง (พระสกทาคามี) ก็หาไม่ได้; แม้สมณะที่สาม ...พระพุทธเจ้าสอน บอกว่า ตราบใดที่โลกยังมีผู้เจริญสติปัฏฐานอยู่ ตราบใดที่ยังมีผู้เจริญสติปัฏฐานอยู่ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ การเจริญสติปัฏฐานก็คือการมีสติรู้ความจริงของร่างกาย การมีสติรู้ความจริงของความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ทั้งหลาย การมีสติรู้เท่าทันความปรุงแต่งของจิตใจ ปรุงดีบ้าง ปรุงชั่วบ้าง การสติเห็นกระบวนการทำงานทางจิตใจ เช่นมันปรุงนิวรณ์ปรุงกิเลสขึ้นมาอย่างนี้ๆนะ มันปรุงโพชฌงค์ขึ้นมาได้อย่างนี้นะ หรือเห็นกระบวนการทำงานที่จิตปรุงความทุกข์ขึ้นมา เห็นกระบวนการทำงานที่ความทุกข์ดับไป นี้เรียกว่าเห็นปฏิจจสมุปบาท หน้าที่เรา เจริญสติปัฏฐาน มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และเป็นกลาง เคยได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าเราทำลายความเห็นผิดนะ ว่าจิตนี้เป็นของดีของวิเศษ ขันธ์ ๕ เป็นของดีของวิเศษ ทำลายตัวนี้ได้ เชื้อเกิดจะถูกทำลายไป เมื่อขันธ์ ๕ ไม่ใช่ของดีแล้ว ความอยากให้ขันธ์ ๕ มันสุข ให้มันดี ให้มันสงบ ไม่มีแล้ว รู้ว่ามันไม่ดี ความอยากจะพ้นจากทุกข์ ให้ขันธ์ ๕ พ้นทุกข์ ก็ไม่มี เห็นไหม อยากให้พ้นทุกข์ก็ไม่มีนะ อยากให้สุขก็ไม่มีนะ เพราะรู้แจ้งแล้วว่าทุกข์แน่นอน พอรู้แจ้งอย่างนี้ หมดแรงดิ้น จิตที่หมดแรงดิ้นนี่แหละจะเห็นพระนิพพาน จิตที่ยังดิ้นอยู่ ยังอยากอยู่ นี่มีตัณหาอยู่ ไม่เห็นพระนิพพาน พวกเรามีบุญแล้วนะ ได้ฟังธรรม ฝึกรู้สึกตัวไปบ่อยๆ รู้สึกตัวแล้วอย่ารู้อยู่เฉยๆ ดูรูปดูนาม ดูกายดูใจ ดูขันธ์ ๕ ทำงานเรื่อยไป วันหนึ่งเราก็จะตามพระพุทธเจ้าของเราไปนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น