วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

การเรียนรู้ความจริงของร่างกายและจิตใจของเราภาวนาเพื่อให้เห็นสภาวะทั้งหลายแสดงไตรลักษณ์ ไม่ใช่ภาวนาให้ทุกอย่างนิ่ง เราไม่ได้ภาวนา เอาความดี ความถูก ความสงบนะ แต่เราภาวนาเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นว่าดีก็ชั่วคราว ชั่วก็ชั่วคราว ความสุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว ความสงบก็ชั่วคราว ฟุ้งซ่านก็ชั่วคราว เนี่ยะภาวนาให้เห็นว่า ทุกอย่างมันเกิดแล้วดับไปหมดเลย แต่จะถามว่าเราจะทำชั่วได้ไหม ทำชั่วไม่ได้เด็ดขาด เพราะอะไร เพราะเรามีสติ คนที่ทำชั่วได้ ทำผิดศีลผิดธรรมได้ เพราะมันขาดสติ เพราะฉะนั้นพวกเราคอยรู้สึกตัวนะ กิเลสอะไรผ่านเข้ามาคอยรู้ รู้ให้ทัน กิเลสครอบงำจิตไม่ได้รับรองไม่ผิดศีลหรอก คนทำผิดศีลได้เพราะว่ากิเลสมันครอบงำจิตใจ กิเลสมันไม่เข้ามาครอบงำจิตนะ จิตไม่ฟุ้งซ่านหรอก สมาธิเกิดขึ้นเอง ถ้ากิเลส มันแทรกเข้ามานะ นิวรณ์แทรกเข้ามา จิตก็ไม่สงบจิตก็ฟุ้งซ่าน ไม่มีสมาธิ ปัญญานะ ถ้ามีสติถึงจะมีปัญญา ถ้าไม่มีสติไม่มี ปัญญาหรอก มีสติเห็นคอยรู้กายรู้ใจ เห็นกายเห็นใจ มันทำงานไปเรื่อย เห็นไตรลักษณ์ของกายของใจเท่าไหร่เรียกว่า ปัญญา เนี่ยะศีล สมาธิ ปัญญา เราต้องอบรมไปเรื่อย ด้วยการมีสติบ่อยๆ นะ ถึงจุดหนึ่งวิมุติจะเกิดขึ้น ตอนที่อริยมรรคจะเกิดนะ ไม่ใช่สั่งให้เกิดได้ ถ้ามันเพียงพอแล้วมันจะเกิดของมันเอง จิตมันจะเข้าอัปนาสมาธินะ เกิดของมันเอง ถึงเราไม่เคยเข้าฌานนะ ถึงวันนั้นมันจะเข้าฌาน จิตเกิดในฌาน ไม่เกิดข้างนอกอย่างนี้นะ เกิดขึ้นอยู่แว้บเดียวนะ แล้วก็ดับไปพร้อมกับกิเลส เราค่อยฝึกเอานะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น