วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

จิตปรุงแต่งก็ให้รู้ว่าจิตปรุงแต่งลืมตา-หลับตาแบบไหนมากกว่ากัน พระพุทธเจ้าบรรลุขณะหลับตานอกเปิดตาใน พระสาวกบรรลุขณะฟังธรรม...ลืมตา ปัจจุบันเรามักจะนึกกันว่าต้องนั่งหลับตาภาวนาจึงจะบรรลุธรรม หลายท่านคิดอย่างนั้น ขณะที่หลาย ๆ ท่านก็เข้าใจว่ามันไม่ได้อยู่ที่ลืมตา หรือหลับตา ผลของการลืมตา หลับตาของแต่ละคนต่างกันครับ บางคนหลับตาแล้วฟุ้งซ่าน สู้มองพระพุทธเจ้าแล้วพิจารณาไม่ได้ บางคนลืมตาแล้วฟุ้งซ่านต้องหลับตา แต่ที่แน่ ๆ ไม่ว่าจะลืมตา หรือหลับตา จิตผู้บรรลุต้องเป็นไปในมรรคา ทางเดียวกัน จิตต้องเดินไปในการพิจารณาธรรมอันประกอบด้วยปัญญาเพื่อการบรรลุธรรม ปัญญา 2 แบบที่อยากให้ทราบไว้ก็คือ 1.) ปัญญาเพื่อการใช้ชีวิตเป็นอยู่ที่ถูกต้อง 2.) ปัญญาที่เข้าไปรู้สภาวะความเป็นจริง ปัญญาในข้อ 1 มักเป็นไปในด้านทาน ศีล ภาวนา หรือบุญกิริยาวัตถุ 10 และบารมี 10 แบบพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นกลาง ปัญญาในข้อ 2 เป็นไปในการละสังโยชน์ 10 ประการ บุญ บารมี แบบปรมัตถ์ การหลับตา หากแต่ว่าเมื่อได้พลังของสติ พลังของความสงบเป็นเรี่ยวแรงพอสมควรแก่การพิจารณา คือ ฌาณ 1 ไม่มีนิวรน์เกาะจิตใจ จึงกำหนดพิจารณามนสิการธรรมที่ควรพิจารณาเนือง ๆ เฉพาะหน้า จากภายนอกสู่ภายใน ภายในสู่ภายนอก พิจารณาตัวเราเทียบกับตัวเขาพิจารณาตัวเขาเทียบตัวเรา จนไม่เหลือตัวตนให้ยึดถือ เป็นผลสำเร็จของการหลับตาภาวนา มิใช่เพื่อแช่นิ่งแต่ประการใด การลืมตาภาวนา อย่าลืมว่าภาวนาแปลว่าทำให้เจริญ คิดน้อมใจไปทางใดก็ได้ ในสมถะ วิปัสสนา เพื่อให้สติ ปัญญาเจริญขึ้น สมถะเพื่อสติ การจะเจริญสติได้นั้นต้องอาศัยปัญญาอย่างมากถึงจะเข้าใจสติที่ใช้เจริญปัญญา ถ้าไม่เข้าใจว่าสติตัวใดเป็นแบบไหน ก็จะไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างปัญญาภายนอก กับปัญญาภายในได้เลย ธรรมที่เรารู้เราอ่านกัน ฟังกันมาเป็นปัญญาภายนอก ยังไม่ใช่ตัวรู้เพื่อดับทุกข์อย่างแท้จริง ปัญญาภายในคือปัญญาที่เข้าไปรู้สภาวะจิตของตน เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกาย ในเวทนา ในจิต ในธรรมของตน ของตัวเราเอง แรกปฏิบัติจึงหักกิเลส หักความหลงเบื้องต้นด้วยการพิจารณากายในกาย อันมีกายคตานุสสติ ธาตุ 4 อสุภะ 10 นวสี 9 เป็นเครื่องมือ เพื่อความไม่ยึดติดในกาย เห็นจริงแท้ว่ากายนี้ กายไหน ๆ ก็เป็นเหตุแห่งทุกข์ แล้วจึงมาดูกายในลักษณะของเวทนา อาการ สภาวะ แล้วจะเริ่มสังเกตเห็น และรู้ว่าจิตมีอาการเช่นไร แล้วจะเข้าใจธรรมอย่างแท้จริง ออกจากหลักสติปัฏฐาน 4 แล้วไปไม่ถึงฝั่งครับ นั่งหลับตาเป็นรูปธรรมว่าได้ปฏิบัติธรรมสำหรับบางคน กาปฏิบัติธรรมสำหรับบางคนก็เพียงเพื่อสงบระงับอารมณ์จากความวุ่นวายในหน้าที่ การงาน สังคม ครอบครัว เพื่อพักใจ พักผ่อนจากความเครียด อันนี้ไม่ว่ากันครับ ทำไปเถอะ พักไปเถอะ ได้ประโยชน์ดีกว่าไปเที่ยวเป็นไหน ๆ เมื่อเวลามาถึงสมาธิจะสามารถเชื่อมต่อกับสมาธิในฝ่ายปัญญาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เจ้าชายหลับตาเห็นอะไร พระสาวกปัญจวัคคี พระสารีบุตร พระยสะ พระนางปฏาจารา หรือพระสาวกท่านอื่น ๆ ลืมตาเห็นอะไร เราหลับตาเห็นอะไร ลืมตาเห็นอะไร จะเป็นไปเพื่อการบรรลุธรรมไหมนะ อุปติสสะ กับโกลิตะดูละครเห็นไตรลักษณ์ เราดูหนัง ฟังเพลง ดูโลกเห็นอะไรอยู่ เจริญในธรรมครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น