บุคคลรู้แจ้งในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว จากผู้ใด พึงนอบน้อมผู้นั้นโดยเคารพ เหมือนพราหมณ์นับถือการบูชาไฟ ฉะนั้น.กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาท่านอาจารย์มากครับ.
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ณ ห้องปฏิบัติธรรม ชั้น ๔ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ
ถอดเทปและจัดอักษร โดย เจนจิรา นวมงคลกุล และ กวี บุญดีสกุลโชค ขอความสุขความเจริญจงมีแก่สาธุชนทุกๆ ท่าน วันนี้เป็นโอกาสอันเป็นมงคล มงคลในศาสนาพุทธนะ ไม่ใช่มงคลมั่วๆซั่วๆ ท่านกำหนดไว้ชัดเจนเลยว่า
อะไรบ้างที่เป็นมงคล อย่างเวลาเรามาเจอกันนี้มีมงคลหลายข้อ
อันแรกเลยได้เห็นสมณะ ได้นั่งใกล้ ได้ฟังธรรม
มงคลสำคัญนี่ก็คือฟังธรรม ฟังธรรมแล้วต้องเอาไปปฏิบัติให้ได้
เมื่อกี๊หลวงพ่อ56+546+อยู่ห้องข้างๆได้ยิน มีท่านโฆษกบอกว่า
พวกเราต้องตั้งเป้าหมายนะ เราต้องได้ธรรมะในชีวิตนี้
เราอย่าไปวาดภาพว่า มรรคผลนิพพานนี้เป็นของที่ไกลเกินตัว
มรรคผลนิพพานไม่ไกลนะ มันไกลสำหรับคนซึ่งไม่รู้จักวิธี
มรรคผลนิพพานจริงๆอยู่ต่อหน้าต่อตาเรา
นิพพานเนี่ยไม่เคยหายไปไหนเลย แต่มรรคผลเนี่ยต้องทำให้เกิด
ต้องพัฒนาใจจนวันหนึ่งเกิด ส่วนนิพพานนะไม่ต้องเกิด
นิพพานมันเกิดอยู่แล้ว นิพพานมีอยู่แล้ว
นิพพานไม่เคยหายไปไหน นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตาเรา
เมื่อไหร่เราเห็นนิพพานครั้งแรก เราก็จะได้เป็นพระโสดาบัน
อย่างตอนนี้เราอยู่กับนิพพานนะ แต่เราไม่เห็น
เพราะอะไร เพราะใจเราไม่มีคุณภาพพอ
นิพพานเป็นสภาวะที่สิ้นกิเลสตัณหา เรียกว่า “วิราคะ”
ใจของคนซึ่งยังมีกิเลสตัณหา มันก็ไม่เห็นนิพพาน
นิพพานเป็นสภาวะที่สิ้นความปรุงแต่ง เรียกว่า “วิสังขาร”
ใจของคนที่ยังปรุงแต่ง ก็ไม่เห็นนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น