ช่องตรงกลางก็คือ การรู้รูปนามตามความเป็นจริง รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องคิดเอาเอง และไม่ใช่เรื่องบังคับกายบังคับใจให้นิ่งนะ เพราะฉะนั้นทางสายกลางอยู่ตรงที่เราไม่พักไม่เพียร ไม่หย่อนไม่ตึงนั่นเอง ให้รู้รูปนามตามความเป็นจริง ที่หลวงพ่อย่อลงมาบอกว่า “ให้มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง”ถ้าเราไม่รู้กายรู้ใจเราก็ย่อหย่อนไป ลืมกายลืมใจเมื่อไหร่ นึกเลยนะ ถ้าเมื่อไหร่เผลอ ขาดสติ ลืมกายลืมใจ ต้องรู้นะ ขณะนั้นย่อหย่อนแล้ว โอกาสที่จะไปอบายภูมิเริ่มเกิดขึ้นแล้วถ้าขณะไหนลงมือปฏิบัติแล้วก็แน่นไปหมดเลย ควบคุมตัวเองแน่นไปหมดเลย ขณะนั้นตึงเกินไป ไปสุคติได้แต่ไปนิพพานไม่ได้ เพราะอะไร เพราะไม่เห็นไตรลักษณ์ กายก็จะนิ่ง ใจก็จะนิ่ง เมื่อไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของรูปของนาม เรียกว่าไม่เห็นความจริง เมื่อไม่เห็นความจริงย่อมไม่เบื่อหน่ายไม่คลายความยึดถือ ไม่หลุดพ้นนะ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเรา เดินจิตเข้าสู่ทางสายกลางให้ได้
วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
ลูกพระพุทธเจ้า
ถ้าพักอยู่ คือปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกิเลสจะจมลง สู่อบาย อบายภูมิทั้ง ๔ นะ ตั้งแต่สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต ขึ้นมาใกล้มนุษย์แล้ว ถ้าเพียรอยู่ พยายามควบคุมตัวเองบังคับตัวเอง ไม่ให้ตามใจกิเลส ก็จะได้เป็นมนุษย์ ได้เป็นเทวดา ได้เป็นพรหม ไม่นิพพาน ทั้งสองฝั่ง เห็นมั้ยว่าไม่มีช่องของพระนิพพาน ช่องของพระนิพพานนั้น ไม่พักและไม่เพียร ไม่พักคือไม่หลงไปไม่เผลอไป ไม่เพียรคือไม่ควบคุมกดข่มบังคับตัวเอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น