วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ลำดับนั้น นายมัณฑัพยะได้กล่าวกะภรรยาว่า ลุกขึ้นเถิด ที่รัก เราอดโทษให้เจ้า ตั้งแต่นี้ไปเจ้าอย่าได้มีจิตกระด้าง แม้เราก็จะไม่เกลียดเจ้า พระดาบสโพธิสัตว์กล่าวกะนายมัณฑัพยะว่า อาวุโส การที่ท่านหาทรัพย์ได้มาโดยลำบาก แล้วบริจาคทานโดยไม่เชื่อกรรมและผลแห่งกรรมนั้นเป็นการไม่สมควร แต่นี้ไปท่านจงเชื่อกรรมและผลแห่งกรรมให้ทานเถิด นายมัณฑัพยะรับคำว่า ดีแล้ว แล้วกล่าวกะพระดาบสโพธิสัตว์ว่า ท่านผู้เจริญ ท่านดำรงอยู่ในความเป็นทักขิไณยบุคคลของข้าพเจ้า ไม่มีความยินดีประพฤติพรหมจรรย์เป็นการไม่สมควร ตั้งแต่นี้ไปขอท่านจงทำจิตให้เลื่อมใส มีจิตบริสุทธิ์ ยินดีในฌาน ประพฤติพรหมจรรย์โดยลักษณะที่ข้าพเจ้าทำสักการะแก่ท่านในบัดนี้แล้ว จะได้รับผลมากเถิด แล้วสองสามีภรรยาก็นมัสการพระมหาสัตว์ แล้วลุกจากอาสนะไป ตั้งแต่นั้นมา ภรรยาก็มีความเสน่หาในสามีเป็นอย่างดี นายมัณฑัพยะก็มีจิตเลื่อมใสถวายทานด้วยศรัทธา พระโพธิสัตว์ก็บรรเทาความเบื่อหน่ายเสียได้ ทำฌานและอภิญญาให้เกิดแล้วเป็นผู้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า. พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม เวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสัน ได้ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า นายมัณฑัพยะในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์ ในบัดนี้ ภรรยาในครั้งนั้น ได้มาเป็น นางวิสาขา ในบัดนี้ บุตรในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระราหุล ในบัดนี้ อาณิมัณฑัพยะดาบส ได้มาเป็น พระสารีบุตร ในบัดนี้ ส่วนกัณหทีปายนดาบสในครั้งนั้น คือ เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถากัณหทีปายนชาดก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น