วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
เราไปเขียนเล่นในนั้นก็ได้ว่า พุทโธ พุทโธ พุทโธ เพื่อ ให้จิตเป็นผู้บริกรร...เราไปเขียนเล่นในนั้นก็ได้ ว่า พุทโธ พุทโธ พุทโธ เพื่อ ให้จิตเป็นผู้บริกรรม ให้จิตเป็นผู้ว่า ไม่ต้องว่ากับปากหลวงปู่ :ไม่ถอย อยู่ในสมาธิ พิจารณาอยู่ในสมาธิ ให้สมาธิเป็นกำลังให้พิจารณาได้ แล้วก็ ปัญญาก็เกิดจากสมาธิ ลูกศิษย์ : ตอนพิจารณานี่ เราไม่ต้องยึดพุทโธ ไม่ต้องอะไรครับ หลวงปู่ : ไม่ต้องหรอก พิจารณาไม่ต้องยึด ไม่ต้องยึด ปริกรรมไม่ต้องยึด วางหมด ดูให้รู้ ให้ลึกซึมซาบถึงจิตถึงใจเลย ลูกศิษย์ : อันนี้ ถ้าสมาธิลึกไปนี่ ก็ต้องถอนออกมา หลวงปู่ : ไม่ ไม่ถอน ลูกศิษย์ : ไม่ต้องถอน หรือครับผม ประคองจิตให้อยู่ หลวงปู่ : อือ ประคองจิต จิตกับสมาธิ ให้อยู่ไปด้วยกัน ให้สมาธิมันเป็นกำลังให้พิจารณาได้ ถึงความเป็นจริง ถ้านอกจากสมาธิแล้ว ปฏิบัติเอาข้างนอก มันไม่ถูก มันไม่เห็นถึงความเป็นจริง เราเข้าถึงแล้วได้ก็ไม่ได้ความ หมายความว่า ให้รู้ถึงจิตถึงใจ ดูอาการถึงจิตถึงใจ ถ้าดูอันหนึ่งแล้ว มันก็ เหมือนกัน กับ ดูทั้งหมด เมื่อเราดู รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เข้าใจในจิตของเราอันลึกซึ้งแล้ว ก็ ให้รวม ว่ามูลธาตุทั้งห้า มูลธาตุทั้งห้าคือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นความว่างเปล่า ให้ว่างให้หมด เป็นความว่างเปล่าให้หมด ไม่มีอะไร จนไม่มีอะไร แยกออก แยกออกจากกัน เวลามันยึดมันเป็นรูปนะ เวลาแยกออกจากกัน เวลาแยกจนหมดรูป จิตของเราก็ ถึงที่ว่าง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น